กาวซีเมนต์ จระเข้ทอง (สำหรับโมเสกแก้ว กระเบื้องแก้ว)

สุดยอดกาวซีเมนต์ ปูนกาวเนื้อสีขาวเนียนปูโมเสกแก้ว กระเบื้องแก้ว

  • เนื้อปูนกาวสีขาวเนียน เพิ่มความโดดเด่นสีสันสดใสสวยงาม
  • ปูนกาวสำหรับงานตกแต่ง หรือซ่อมแซม สะดวก ใช้งานง่าย
  • ปูกระเบื้องได้ทุกขนาด ทุกชนิด ยืดหยุ่นและยึดเกาะสูงพิเศษ
  • ปูทับกระเบื้องเดิมทั้งพื้นและผนัง ภายในและภายนอกอาคาร

ลักษณะการใช้งาน
กาวซีเมนต์ จระเข้ทอง (สำหรับโมเสกแก้ว กระเบื้องแก้ว) เป็นปูนกาวที่เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมหรือตกแต่งเพิ่มความสวยงาม งานปูสระว่ายน้ำ หรือวัสดุที่ต้องการแรงยึดเกาะสูง ใช้ปูได้หลายพื้นผิว ทั้งพื้น-ผนัง ภายในและภายนอกอาคาร


** ควรใช้คู่กับกาวยาแนวจระเข้

มาตรฐานอเมริกา : ANSI A 118.1, A 118.4, A 118.11, A 118.15
มาตรฐานยุโรป : EN C2S1E
ขนาดบรรจุ : 4 กก.

สั่งซื้อสินค้า ช่องทางติดต่อ

กาวซีเมนต์จระเข้ทอง มีส่วนผสมของปูนซีเมนต์ปอร์ตแลนด์, ทราย,ผงลาเท็กซ์ที่เพิ่มประสิทธิภาพของกาวซีเมนต์ให้ดีขึ้น และเคมีผสมเพิ่มชนิดพิเศษอื่นๆ ทำให้ผลิตภัณฑ์มีคุณสมบัติที่ให้การยึดเกาะสูง มีการยืดหยุ่นที่ดี ทนทานในทุกสภาพภูมิอากาศ  ปูนกาวที่ใช้ปูทับกระเบื้องเดิม และปูกระเบื้องได้ทุกชนิด

การเตรียมพื้นผิว

  • พื้นผิวใหม่ : พื้นผิวที่ต้องการปูจะต้องแข็ง เรียบ ได้ระดับ แห้งและสะอาด ปราศจากฝุ่น น้ำมัน น้ำยาบ่มคอนกรีต สี เศษปูน สิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ และมีการดูดซึมน้ำปกติ หากพื้นผิวผนังปูนฉาบใหม่หรือปูนปรับระดับใหม่ ควรใช้เวลาบ่มตามมาตรฐาน 7 วันหรือ 168 ชั่วโมง ต่อความหนาม 1 ซม.
  • พื้นผิวเดิม : ล้างทำความสะอาดพื้นผิวโดยใช้น้ำฉีด ขัดพื้นผิวให้สะอาด เพื่อขจัดคราบฝุ่น น้ำมัน น้ำยาบ่มคอนกรีต สี เศษปูน และสิ่งแปลกปลอมอื่น ๆ และกวาดน้ำที่ขังบนพื้นผิวให้หมดก่อนที่ใช้กาวซีเมนต์

การผสม

  • เทปูนกาวซีเมนต์ จระเข้ทอง (โมเสกแก้ว กระเบื้องแก้ว) ลงในน้ำใช้เครื่องผสมรอบต่ำประมาณ 150 รอบต่อนาที (150 rpm) ช่วยในการผสมให้เข้ากัน
  • ทิ้งไว้เพื่อให้เคมีบ่มตัวประมาณ 10 นาที จึงกวนซ้ำอีกครั้งก่อนนำมาใช้งาน อย่าเติมน้ำหรือกาวซีเมนต์ลงไปเพิ่มหลังจากที่ทิ้งไว้จนเคมีบ่มตัวแล้ว

อัตราส่วนผสม

  • กาวซีเมนต์ จระเข้ทอง 4 กิโลกรัม ต่อน้ำ 1.1 ลิตร หรือ ปูน 2.5 ส่วน ต่อ น้ำ 1 ส่วน (โดยปริมาตร)

การใช้งาน

  1. ใช้เกรียงหวีด้านเรียบปาดกาวซีเมนต์ลงบนพื้นหรือผนังที่ต้องการปูกระเบื้องให้ทั่ว และเพียงพอสำหรับกระเบื้องที่จะใช้ปูแต่ละครั้ง
  2. ใช้ด้านหวีปาดกาวซีเมนต์ให้เป็นร่อง โดยจับเกรียงหวีให้ได้มุมประมาณ 45 องศา และครูดให้เป็นรอยทางในทิศทางแนวเดียวกับด้านสั้นของกระเบื้อง (ใช้เกรียงหวีให้เหมาะกับขนาดกระเบื้อง)
  3. ใช้เกรียงหวีด้านเรียบปาดกาวซีเมนต์ไล้หลังกระเบื้อง เพื่อชดเชยความโก่ง หรือบิดตัวของกระเบื้องและให้มั่นใจว่าปูนกาวอยู่เต็มหลังกระเบื้อง ป้องกันการเกิดโพรงอากาศทำให้กระเบื้องที่ปูสามารถรับแรงกดอัดได้เต็มที่ ไม่แตก ล่อนในภายหลัง
  4. นำกระเบื้องปูบนกาวซีเมนต์ สไลด์แผ่นกระเบื้องไปทางขวางในทิศทางตั้งฉากกับแนวของเกรียงหวีที่ครูด เคาะกระเบื้องให้ติดแน่นกับกาวซีเมนต์เต็มทั่วทั้งแผ่น
  5. สามารถจัดกระเบื้องแต่ละแผ่นให้ตรงแนวตามต้องการภายในเวลาไม่เกิน 30 นาที ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิขณะทำงาน และไม่ควรจัดหรือเคาะกระเบื้องอีกเมื่อเลยเวลาดังกล่าว เมื่อกดกระเบื้องลงบนกาวซีเมนต์ ควรแน่ใจว่าหลังกระเบื้องสัมผัสกับกาวซีเมนต์เต็มทั่วทั้งแผ่น ซึ่งความหนาของกาวซีเมนต์ควรจะอยู่ระหว่าง 6-20 มม.

การบ่มและการยาแนวกระเบื้อง

  • หลังจากปูกระเบื้องเสร็จแล้ว ควรบ่มทิ้งไว้ประมาณ 24 -48 ชั่วโมงขึ้นอยู่กับอุณหภูมิแล้วจึงยาแนวกระเบื้อง
  • เพื่อให้ได้งานที่มีคุณภาพสูงสุด ควรเลือกกาวยาวแนวจระเข้ให้เหมาะสมกับใช้ตามลักษณะของร่องและลักษณะของสถานที่

ข้อเสนอแนะ

  • เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด ควรยาแนวกระเบื้องหลังจากปูกระเบื้องไปแล้วไม่น้อยกว่า 48 ชั่วโมง
  • เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดเกาะ ควรใช้กาวซีเมนต์จระเข้ ไล้หลังกระเบื้องให้ทั่วแผ่น

ข้อจำกัดในการใช้

  • สามารถใช้ปูบนพื้นผิวไม้อัดโครงสร้าง แผ่นซีเมนต์ไม้อัดต้องมีความหนาอย่างน้อย 19 ม.ม. และมีการติดตั้งที่แข็งแรง ไม่โก่งงอ

**หากต้องการปูพื้นผิวของวัสดุที่นอกเหนือจากที่ระบุไว้สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากทางบริษัทฯ

ข้อควรระวัง

  • ผลิตภัณฑ์อาจทำให้เกิดผิวหนังระคายเคือง ควรใช้อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยต่าง ๆ เช่น ถุงมือ หน้ากากกันฝุ่น แว่นตา ฯลฯ
  • ในกรณีเข้าตาให้ล้างนัยน์ตาด้วยน้ำสะอาดหลาย ๆ ครั้งทันที และรีบปรึกษาแพทย์
  • ถ้าถูกหรือสัมผัสกับผิวหน้าให้ใช้น้ำและสบู่ล้างทำความสะอาด
  • ควรเก็บให้พ้นมือเด็ก
  • ห้ามรับประทาน

การเก็บรักษา

  • ควรเก็บไว้ในที่ร่ม แห้ง ปราศจากความชื้น และมีอากาศถ่ายเท อุณหภูมิไม่สูงจนเกินไป เพราะอาจทำให้ผลิตภัณฑ์เสื่อม
  • อายุของผลิตภัณฑ์  1 ปีนับจากวันที่ผลิตในสภาพยังไม่เปิดถุงใช้ (ถ้าหากใช้ไม่หมดถุงต้องมัดปากถุงให้แน่นสนิททุกครั้ง)