แผ่นปูกันความร้อนใต้หลังคามีกี่แบบ
สวัสดีครับกลับมาพบกับพี่เข้เช่นเคย วันนี้พี่เข้ก็ไม่พลาดที่จะนำเรื่องราวดีๆ เกี่ยวกับบ้านที่อยู่อาศัยมาฝากกันเหมือนเดิมครับ สำหรับคอนเทนต์นี้เพื่อให้เข้ากับช่วงหน้าร้อน พี่เข้จึงขอนำบทความเกี่ยวกับวัสดุชิ้นหนึ่งที่เรียกว่า "ฉนวนกันความร้อน" มาแนะนำกัน ว่ามันคืออะไร มีกี่ชนิด รวมถึงราคาอยู่ประมาณกี่บาท เพื่อเป็นข้อมูลให้ทุกท่านเลือกนำไปปรับใช้ให้ได้อย่างเหมาะสม
ฉนวนกันความร้อน คือ วัสดุที่มีคุณสมบัติป้องกันความร้อนจากภายนอกไม่ให้ส่งผ่านจากด้านหนึ่งไปอีกด้านหนึ่ง หรือส่งผ่านไปได้น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนมากใช้สำหรับติดตั้งบริเวณใต้หลังคาบ้าน โรงงานอุตสาหกรรม ผนังกำแพง โดยลักษณะของฉนวนกันความร้อนนั้นจะมีความหนาแตกต่างกันไปแล้วแต่ชนิด และด้วยความที่บ้านเราเข้าสู้ฤดูร้อนแล้วจะมาเพิ่งพาแอร์อย่างเดียวก็คงจะไม่ไหวเปลืองค่าไฟแย่เลย ดังนั้นฉนวนกันความร้อนน่าจะเป็นอุปกรณ์ที่จะช่วยคลายร้อนภายในบ้านลงได้บ้าง
ฉนวนกันความร้อนมีกี่ชนิด
1. ฉนวนใยแก้วหรือไฟเบอร์กลาส
ใช้มายาวนาน ลักษณะคือเส้นใยแผ่นหนาที่ถูกห่อหุ้มด้วยฟอยล์ ซึ่งฟอยล์จะทำหน้าที่สะท้อนความร้อนกลับออกไปนอกตัวบ้าน เสร็จแล้วหากยังมีความร้อนหลงเหลืออยู่จะถูกกักเก็บไว้ในตัวเส้นใยข้างใต้ อย่างไรก็ตามในระยะหลังไม่นิยมใช้กันแล้วเนื่องจากเวลาเสื่อมสภาพจะมีละอองสารพิษระเหยซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพเจ้าของบ้าน รวมถึงถ้าติดไฟ ไฟจะมีลักษณะเป็นแก๊สพิษ และอีกประเด็นก็คือ นก หรือ หนู ชอบมาทำรังมากเพราะมีความอุ่นและนุ่ม ส่วนเรื่องราคาอยู่ที่ตารางเมตรละ 250 บาท โดยประมาณ
2. ฉนวนประเภทโฟมโพลียูริเทน (PU Foam)
ฉนวนประเภทนี้เขาจะฉีดไว้ที่บริเวณใต้แผ่นหลังคาเมทัลชีทและจะมีฟอยล์ปิดทับชั้นล่างอีกทีหนึ่ง ซึ่งข้อดีคือมันจะสะท้อนความร้อนออกนอกตัวบ้านทันทีไม่มากักเก็บไว้ใต้หลังคา หรืออีกประเภทคือด้วยความที่มันเป็นโฟมจึงสามารถใช้ฉีดบนหลังคาได้ด้วยกรณีที่หลังคาของเดิมไม่กันความร้อน ซึ่งหลักการทำงานก็เหมือนกันคือสะท้อนความร้อนออกทันทีไม่ผ่านเข้ามาในตัวบ้าน ส่วนราคาอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 400 บาท โดยประมาณ
3. ฉนวนประเภทโฟมโพลีเอทิลีน (PE Foam)
ฉนวนประเภทนี้มีลักษณะเป็นแผ่นเหนียวนุ่ม มีแผ่นฟอยล์บาง ๆ หุ้มเคลือบผิว ทนร้อน น้ำหนักเบา ทนแรงกระแทก ที่สำคัญทนต่อการกัดกร่อน จึงมักถูกนำไปใช้ในโรงงานเพราะเนื้อที่หลังคาจำนวนมากเป็นหมื่น ๆ ตารางเมตร ราคาอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 150 บาท โดยประมาณ
4. ฉนวนเยื่อกระดาษ (Cellulose)
ฉนวนประเภทนี้มีส่วนผสมระหว่างเยื่อไม้กับกระดาษและสารเคมีที่ไม่ก่อให้เกิดการลามไฟ ลักษณะการใช้งานคือฉีดพ่นเหมือน (PU Foam) ฉีดที่แผ่นหลังคาข้างบนหรือข้างใต้ก็ได้ อย่างไรก็ตามยังไม่เป็นที่นิยม เพราะคนจะเลือกใช้เป็น PU Foam มากกว่า ส่วนราคาอยู่ที่ตารางเมตรละประมาณ 400 บาท โดยประมาณ
วิธีเลือกซื้อฉนวนกันความร้อน
สำหรับหลักเกณฑ์ในการเลือกใช้ฉนวนกันความร้อนมีหลักการเลือกโดยดูจากค่า R และ K โดย ค่า R (Resistivity) = ค่าต้านความร้อน ส่วน ค่า K ( K-value / Conductivity) = ค่าการนำความร้อน เจ้าของบ้านต้องเลือกค่า R ที่สูง และค่า K ที่ต่ำ เท่านั้น เพื่อให้ปกป้องบ้านไม่ให้ความร้อนเข้าตัวบ้านได้หรือเข้าให้น้อยที่สุดนั่นเอง
และทั้งหมดนี้ก็คือประเภทฉนวนกันความร้อนที่นิยมใช้ในปัจจุบัน รวมทั้งข้อดีข้อเสีย ซึ่งแต่ละชนิดก็เหมาะกับการใช้งานที่หลากหลายแตกต่างกันไป แต่ที่แน่ ๆ จะทำให้บ้านเย็นลงได้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์ชนิดหนึ่งที่ทำหน้าที่ป้องกันการรั่วซึม แถมสะท้อนความร้อนได้ดี ใช้ได้ทั้งหลังคา ผนังบ้าน สามารถปกปิดรอยแตกลายงาขนดเล็ก 1.5 มิลลิเมตร กันการรั่วซึมได้เป็นอย่างดีนั่นก็คือ ผลิตภัณฑ์ จระเข้ รูฟ ชิลด์ อะคริลิกคุณภาพสูง ทนทาน แช่น้ำขังได้ทน UV ช่วยสะท้อนรังสีความร้อนได้ 55 - 80%
ลดความร้อนสะสมเข้าอาคาร ลดอุณหภูมิภายใน 2 - 6 องศา เหมาะอย่างยิ่งสำหรับทาบนหลักคาเก่าที่มีรอยแตกร้าวขนาดเล็กเพื่อป้องกันการรั่วซึมแถมสะท้อนความร้อนได้ในตัวช่วยลดอุณหภูมิภายในบ้านได้ด้วย ที่สำคัญทาใช้ได้กับผนังภายนอกบ้านและตัวอาคารก็ได้เช่นกัน
บทความที่เกี่ยวข้อง
เมทัลชีท คืออะไร? ทำไมถึงนิยมใช้ทำหลังคา
หลังคาเมทัลชีท ควรติดฉนวนกันความร้อนหรือไม่
บ้านร้อนอบอ้าว ใช้จระเข้ รูฟ ชิลด์ แก้ไขปัญหา!