ประเด็นสำคัญ
- หลังคากระจก Skylight เป็นตัวช่วยเสริมความสวยงามให้กับบ้าน เหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น (Modern Style) สไตล์มินิมอล (Minimal Style) และสไตล์ร่วมสมัย (Contemporary Style) ช่วยรับแสงธรรมชาติให้บ้านสว่าง ดูโปร่งโล่งและยังประหยัดพลังงาน ใช้ได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน
- หากต้องการหลังคากระจกที่แข็งแรงและปลอดภัย ควรเลือกกระจกเทมเปอร์หรือกระจกลามิเนตที่เมื่อแตกตัวแล้วไม่สร้างอันตรายต่อคนในบ้าน หรือกระจกเคลือบฟิล์มกันความร้อนที่ช่วยลดความร้อน โดยควรเก็บงานด้วยจระเข้ ซิลิโคน ซีล ที่บริเวณรอยต่อ หรือจระเข้ ซิลิโคน ซีล เอ็น พลัส ยาแนวที่ช่วยป้องกันเชื้อรา เสริมความแข็งแรง ให้ใช้งานได้อย่างยาวนาน
หลังคากระจก Skylight ตัวเลือกหลังคาบ้านที่ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง รับแสงสว่างจากธรรมชาติได้เต็มที่ เหมาะกับพื้นที่ที่ต้องการความสบายตา สำหรับการเลือกหลังคากระจกใส ควรจะเลือกกระจกแบบไหน เพื่อให้หลังคาแข็งแรง ปลอดภัย และใช้งานได้ยาวนาน จระเข้มีคำตอบมาฝากกัน
- เลือกกระจกหลังคาบ้านแบบไหนดี?
- เลือกกาวซิลิโคนยาแนวรุ่นไหนดี? ให้หลังคากระจกทนทาน
- เปรียบเทียบหลังคากระจก vs หลังคาเมทัลชีท vs หลังคาโพลีคาร์บอเนต
- 4 ข้อดีของหลังคากระจก เปิดบ้านให้สว่างขึ้น
- ข้อเสียของหลังคากระจกที่ควรระวังมีอะไรบ้าง?
- เคล็ดลับดูแลรักษาหลังคากระจกควรทำอย่างไรบ้าง?
- สั่งผลิตภัณฑ์จระเข้สะดวกกว่าเดิมด้วย Jorakay Online Shop
หลังคากระจกดีไหม ถ้าอยากให้บ้านสว่างและโปร่งสบาย?
เป็นทางเลือกที่ดี เพราะการใช้หลังคากระจกใสจะช่วยให้บ้านดูกว้างและสบายตามากขึ้น แสงธรรมชาติจากภายนอกช่วยให้บรรยากาศไม่อึดอัด เหมาะกับบ้านที่มีพื้นที่จำกัด หรือต้องการออกแบบให้ดูโล่งสบาย ทำให้บ้านน่าอยู่มากยิ่งขึ้นด้วย แต่หลังคากระจกใสอาจทำให้ความร้อนสะสมในบ้าน หากไม่เลือกกระจกกันความร้อน ไม่ได้ติดฟิล์มกันความร้อนเพิ่มเติม ทำให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เลือกกระจกหลังคาบ้านแบบไหนดี?
ประเภทกระจกหลังคาบ้าน | ข้อดี | ข้อเสีย |
---|---|---|
กระจกเทมเปอร์ | - แข็งแรงกว่ากระจกธรรมดา 4–5 เท่า - ทนความร้อนและแรงกระแทกได้ดี - แตกแล้วไม่บาดเจ็บ เพราะแตกเป็นเม็ดเล็ก ๆ |
- หากแตกต้องเปลี่ยนทั้งแผ่น - ไม่สามารถตัดหรือเจาะหลังอบได้ - กันเสียงและความร้อนได้น้อยกว่ากระจกลามิเนต |
กระจกลามิเนต | - ปลอดภัยสูง เศษกระจกไม่ร่วงหล่น - ช่วยลดเสียงรบกวนได้ดี - กันรังสี UV ได้บางส่วน - เลือกความหนาและชนิดฟิล์มได้ |
- ราคาสูงกว่ากระจกเทมเปอร์ - น้ำหนักมาก - หากขอบกระจกโดนน้ำอาจทำให้ฟิล์มลอกได้ |
กระจกเคลือบฟิล์มกันความร้อน | - ช่วยลดความร้อนและรังสี UV - ช่วยประหยัดพลังงาน - มีหลายระดับความเข้มและสีให้เลือก |
- ประสิทธิภาพกันร้อนลดลงตามเวลา - ฟิล์มอาจหลุดลอกหากติดตั้งไม่ดี - ต้องดูแลรักษาเป็นพิเศษเพื่อไม่ให้เกิดรอยขีดข่วน |
1. กระจกเทมเปอร์ รับแรงกระแทกได้ดี ปลอดภัย
กระจกเทมเปอร์ (Tempered Glass) คือ กระจกที่ผ่านการอบด้วยความร้อนประมาณ 650 องศา และทำให้เย็นลงทันที แข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปประมาณ 4-5 เท่า รับแรงกระแทกได้ดี ทนความร้อนได้สูงถึง 290 องศา เมื่อแตกตัวจะมีลักษณะเม็ดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวโพดและไม่คม จึงช่วยป้องกันอันตราย ตอบโจทย์การใช้งานเป็นหลังคากระจก
- ข้อดี: แข็งแรงและทนต่อแรงกระแทกได้ดี เหมาะสำหรับงานภายนอกที่ต้องเจอแดดและฝนต่อเนื่อง หากแตกจะไม่แตกเป็นแผ่นคม แต่เป็นเม็ดเล็ก ๆ คล้ายเม็ดข้าวโพด จึงลดโอกาสเกิดอันตรายต่อคนในบ้าน
- ข้อเสีย: ตัดหรือดัดแปลงขนาดไม่ได้หลังจากอบแล้ว หากต้องการปรับแก้ต้องเปลี่ยนทั้งแผ่นใหม่ อีกทั้งยังกันเสียงและกันความร้อนได้ไม่ดีเท่ากระจกลามิเนต
2. กระจกลามิเนต ช่วยกันเสียงรบกวน
กระจกลามิเนต (Laminated Glass) คือ กระจกที่ประกบด้วยฟิล์ม PVB หรือ EVA รีดด้วย Roller ทำให้แผ่นฟิล์มยึดติดกับกระจก จึงแข็งแรงกว่ากระจกทั่วไปประมาณ 4-5 เท่า เก็บเสียงรบกวนภายนอกได้ดี ป้องกันความร้อนจากแสงแดดที่ส่องเข้าบ้าน เมื่อแตกจะมีลักษณะเป็นรอยร้าวคล้ายใยแมงมุม และไม่ร่วงลงมา จึงไม่สร้างอันตรายต่อผู้อยู่อาศัย
- ข้อดี: มีฟิล์มยึดระหว่างกระจกสองชั้น ช่วยเพิ่มความปลอดภัย เศษกระจกไม่ร่วงหล่นเมื่อแตก ช่วยกรองแสงและรังสี UV ได้ดี อีกทั้งยังลดเสียงรบกวนจากภายนอก
- ข้อเสีย: มีน้ำหนักมากและราคาสูงกว่ากระจกประเภทอื่น ต้องใช้โครงสร้างที่แข็งแรงรองรับ หากติดตั้งในพื้นที่ชื้นฟิล์มบริเวณขอบกระจกอาจลอกได้เร็วขึ้น
3. กระจกเคลือบฟิล์มกันความร้อน
หลังคากระจกเคลือบฟิล์มกันความร้อน คือ กระจกที่ผ่านการเคลือบหรือแปะฟิล์มกันความร้อนพิเศษ เพื่อช่วยลดการส่งผ่านความร้อนและรังสี UV จากแสงแดด ช่วยให้บ้านเย็นขึ้นและประหยัดพลังงาน เหมาะกับหลังคากระจกที่ต้องรับแดดจัดตลอดวัน หรือบริเวณหลังคากระจก Skylight ที่ต้องการทั้งแสงและอุณหภูมิที่เหมาะสม
- ข้อดี: ช่วยลดความร้อนเข้าสู่ตัวบ้าน ทำให้บ้านเย็นขึ้นและช่วยประหยัดพลังงาน มีให้เลือกหลายเฉดสี เพิ่มความเป็นส่วนตัวและความสวยงามให้หลังคากระจก
- ข้อเสีย: ฟิล์มเคลือบมีอายุการใช้งานจำกัด และหากดูแลไม่ถูกวิธีฟิล์มอาจหลุดลอกหรือเป็นรอยได้
เลือกกาวซิลิโคนยาแนวรุ่นไหนดี? ให้หลังคากระจกทนทาน
คุณสมบัติ | จระเข้ ซิลิโคน ซีล | จระเข้ ซิลิโคน ซีล เอ็น พลัส |
---|---|---|
ประเภท |
ซิลิโคนชนิดมีกรดอะซิติก |
ซิลิโคนชนิดไม่มีกรดอะซิติก |
คุณสมบัติเด่น |
ใช้ยาแนวทั่วไป อุดรอยต่อวัสดุหลากหลาย |
ผสมสารกันเชื้อรา เหมาะกับบริเวณที่สัมผัสความชื้นอยู่ตลอด |
สี |
สีขาว สีใส สีดำ |
สีขาว สีใส |
วัสดุที่ใช้งานได้ |
- กระจกแก้ว |
- กระจกแก้ว |
การใช้งาน |
- ใช้เป็นยาแนวแต่งขอบงานทั่วไป หรือพื้นที่ที่เคลื่อนไหว เช่น ขอบหน้าต่าง วงกบ ประตู งานหลังคา กันสาด รางระบายน้ำ |
- ใช้อุดรอยต่อกันรั่วซึมของน้ำและอากาศ |
1. จระเข้ ซิลิโคน ซีล แห้งตัวเร็ว เปิดใช้งานได้เร็ว
จระเข้ ซิลิโคน ซีล ซิลิโคนยาแนวคุณภาพชนิดมีกรดอะซิติก จึงแห้งเร็วและบ่มตัวด้วยความชื้นในอากาศ ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน ใช้สำหรับอุดรอยต่อ ป้องกันน้ำ ความชื้น และอากาศ เหมาะสำหรับยาแนวขอบงานทั่วไปหรือพื้นที่ที่เคลื่อนไหวได้ เช่น งานหลังคา กันสาด มีให้เลือก 3 สี คือ สีขาว สีใส และสีดำ
จุดเด่นของจระเข้ ซิลิโคน ซีลมีอะไรบ้าง?
- มีกรดอะซิติกจึงแห้งตัวเร็วด้วยการระเหย เนื้อซิลิโคนยืดหยุ่นสูง ไม่ไหลย้อย ใช้งานในแนวดิ่งและงานเหนือศีรษะได้
- ทนทานต่อสภาพอากาศทุกแบบ ทนต่อแรงสั่นสะเทือน ความชื้น น้ำยาทำความสะอาด และทนต่อรังสี UV
- เหมาะกับวัสดุประเภทกระจกแก้ว อลูมิเนียม ไฟเบอร์กลาส สังกะสี วัสดุเคลือบสีไม้แห้งสนิท รวมถึงพลาสติกบางชนิด เช่น อิพ็อกซี่ โพลิคาร์บอเนต
2. จระเข้ ซิลิโคน ซีล เอ็น พลัส ผสมสารกันเชื้อรา
จระเข้ ซิลิโคน ซีล เอ็น พลัส ซิลิโคนยาแนวอเนกประสงค์คุณภาพสูง 100% มีส่วนผสมของสารกันเชื้อรา ไม่มีกรดอะซิติก จึงไม่มีกลิ่นฉุนและไม่ทำลายพื้นผิวโลหะ ยึดเกาะแน่นกับวัสดุได้หลากหลายทั้งกระจก เซรามิก โลหะ สแตนเลส พลาสติก และไม้ เหมาะสำหรับใช้อุดรอยต่อ ป้องกันการรั่วซึมในบริเวณที่มีความชื้นอย่างหลังคากระจก ยาแนวได้เรียบเนียน ทนทาน และใช้งานได้ยาวนาน
จุดเด่นของจระเข้ ซิลิโคน ซีล เอ็น พลัสมีอะไรบ้าง?
- ผสมสารกันเชื้อรา เหมาะกับพื้นที่ชื้นสูง เช่น หลังคา ห้องน้ำ ยาแนวสุขภัณฑ์
- ทนทานต่อทุกสภาพอากาศ มลภาวะทางอากาศ ทนต่อรังสี UV รวมถึงน้ำยาทำความสะอาดและสารละลายต่าง ๆ
- เนื้อซิลิโคนไม่ไหลย้อย ใช้งานได้ทั้งรอยต่อแนวดิ่งและงานเหนือศีรษะ
- ชนิดไม่มีกรดอะซิติก จึงไม่มีกลิ่นเปรี้ยว ไม่ทำลายพื้นผิวโลหะ เช่น สังกะสี ทองเหลือง
เปรียบเทียบหลังคากระจก vs หลังคาเมทัลชีท vs หลังคาโพลีคาร์บอเนต
หัวข้อเปรียบเทียบ | หลังคากระจก | หลังคาเมทัลชีท | หลังคาโพลีคาร์บอเนต |
---|---|---|---|
จุดเด่น | โปร่งแสง รับแสงธรรมชาติได้ดี ทำให้บ้านดูโปร่งและทันสมัย เลือกติดฟิล์มกันความร้อนได้ | แข็งแรง น้ำหนักเบา กันน้ำได้ดี ติดตั้งรวดเร็ว และดูแลรักษาง่าย | โปร่งแสงแต่ไม่ใส น้ำหนักเบา ราคาถูก ติดตั้งง่าย |
ข้อจำกัด | ราคาสูง ต้องติดตั้งโดยช่างผู้เชี่ยวชาญ และควรเลือกกระจกนิรภัยเพื่อความปลอดภัย | กันเสียงได้ไม่ดีโดยเฉพาะเวลาฝนตก และจะร้อนมากหากไม่ติดฉนวนกันความร้อน | เสื่อมสภาพเมื่อโดนแดดจัดนาน ๆ อาจซีดหรือเหลือง ต้องเปลี่ยนใหม่ทุก 5–10 ปี |
ความคงทน | ทนแดดและฝนได้ดี หากใช้กระจกเทมเปอร์หรือลามิเนตคุณภาพสูง อายุการใช้งานเฉลี่ย 15–25 ปี | ทนทานต่อสภาพอากาศ ใช้งานได้ยาวนาน 15–20 ปี | คงทนระดับปานกลาง อายุการใช้งานเฉลี่ย 5–10 ปี |
พื้นที่ใช้งาน | หลังคากระจก Skylight ระเบียง หรือพื้นที่รับแสง | หลังคาบ้าน อาคารพาณิชย์ โรงรถ รวมถึงโรงงานและโกดัง | กันสาด ทางเดินเชื่อมอาคาร หรือพื้นที่พักผ่อนกลางแจ้ง |
สำหรับแผ่นโพลีคาร์บอเนตที่อาจไม่ใสเท่าหลังคากระจก แต่ก็ถือเป็นทางเลือกหลังคาโปร่งแสงที่นิยมในบ้านปัจจุบัน จะมีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ แผ่นโพลีคาร์บอเนตมุงหลังคา ดีไหม ดูแลอย่างไร ก่อนซื้อต้องรู้อะไรบ้าง?
นอกจากหลังคากระจกใสหรือหลังคาโปร่งแสงแล้ว ยังมีหลังคาเมทัลชีทที่เป็นทางเลือกของที่อยู่อาศัยและอาคารยุคใหม่ จะเพราะอะไรนั้น ติดตามต่อได้ที่ เมทัลชีทคืออะไร? ทำไมถึงนิยมใช้ทำหลังคา
4 ข้อดีของหลังคากระจก เปิดบ้านให้สว่างขึ้น
1. เพิ่มความสวยงามและความหรูหราให้บ้าน
หลังคากระจกช่วยให้บ้านดูหรูหรา มีเอกลักษณ์มากยิ่งขึ้น ด้วยความโปร่งใสและเงาสะท้อนของกระจก จึงเหมาะกับบ้านสไตล์โมเดิร์น สไตล์มินิมอล หรือสไตล์ร่วมสมัย ที่เน้นเส้นสายเรียบง่าย และยังช่วยสร้างมุมมองที่โดดเด่นให้กับภาพรวมของบ้าน
2. รับแสงธรรมชาติ ไม่ต้องเปิดไฟช่วงกลางวัน
หลังคากระจกช่วยให้แสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวบ้านได้มากขึ้นในช่วงกลางวัน ส่งผลให้ไม่ต้องเปิดไฟตลอดวัน ช่วยประหยัดพลังงาน และสร้างบรรยากาศอันอบอุ่น เหมาะกับบ้านที่ต้องการพื้นที่สว่างโดยไม่ต้องพึ่งพาแสงจากหลอดไฟ
3. ใช้ได้ทั้งพื้นที่ภายในและภายนอกบ้าน
หลังคากระจกใช้งานได้ทั้งภายในและภายนอกบ้าน เชื่อมต่อผู้อยู่อาศัยกับธรรมชาติรอบบ้าน เพิ่มมิติความหรูหราให้บ้านดูทันสมัยและอบอุ่นขึ้น โดยเลือกใช้งานได้ ดังนี้
- ภายในบ้าน หลังคากระจกใช้ได้กับตรงจุดที่เป็นห้องนั่งเล่น โถงทางเดิน มุมรับประทานอาหาร หรือพื้นที่ทำงานที่ต้องการแสงสว่างจากธรรมชาติ
- ภายนอกบ้าน ทั้งบริเวณเฉลียง ระเบียง สวนในร่ม หรือมุมพักผ่อนหลังคากระจกใสก็ตอบโจทย์การใช้งานทั้งสิ้น
4. เหมาะกับการจัดมุมพักผ่อนหรือสวนในบ้าน
หลังคากระจกใสเหมาะสำหรับบ้านที่มีพื้นที่ทำสวนในร่มหรือมุมพักผ่อนภายในบ้าน เพราะช่วยให้ต้นไม้ได้รับแสงธรรมชาติเต็มที่ และสร้างบรรยากาศร่มรื่น ผ่อนคลาย เหมาะกับการนั่งอ่านหนังสือ ดื่มกาแฟ หรือทำกิจกรรมต่าง ๆ ได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องฝนหรือสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง
ข้อเสียของหลังคากระจกที่ควรระวังมีอะไรบ้าง?
1. ปัญหาความร้อนสะสมในช่วงกลางวัน
หลังคากระจกใสอาจทำให้ความร้อนสะสม โดยเฉพาะในช่วงกลางวันที่แสงแดดจัด หากไม่เลือกกระจกกันความร้อน ไม่ได้ติดฟิล์มกันความร้อนเพิ่มเติม หรือไม่ได้ออกแบบระบบระบายอากาศที่ดี ทำให้ต้องใช้เครื่องปรับอากาศมากขึ้น ซึ่งส่งผลให้ค่าไฟเพิ่มขึ้นตามไปด้วย
2. ค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและดูแลสูง
การติดตั้งหลังคากระจก Skylight มีต้นทุนสูงกว่าหลังคาประเภทอื่น เพราะกระจกเทมเปอร์หรือกระจกลามิเนตมีราคาที่สูงกว่ากระจกทั่วไป รวมถึงอาจต้องจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง นอกจากนี้ยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลรักษา เช่น การทำความสะอาดหรือซ่อมแซมรอยรั่วซึม
3. เสี่ยงต่อการแตกร้าวหากใช้กระจกคุณภาพต่ำ
หากทำหลังคากระจก Skylight ด้วยวัสดุที่ไม่ได้มาตรฐานความปลอดภัย อาจเกิดปัญหาแตกร้าวจากแรงกระแทก ความร้อนจัด หรือลมแรงได้ง่าย ซึ่งทำให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายเป็นจำนวนมากเพื่อซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่บ่อยครั้ง
4. ต้องดูแลทำความสะอาดบ่อยและอาจมีเสียงดังเวลาฝนตก
เนื่องจากเป็นหลังคากระจกใส จึงมีคราบฝุ่น คราบน้ำ หรือสิ่งสกปรกเกาะติดได้ง่าย ทำให้ต้องทำความสะอาดบ่อยครั้งเพื่อรักษาความใสและความสวยงามของกระจกอยู่เสมอ และเมื่อฝนตกอาจเกิดเสียงดังรบกวน จึงไม่เหมาะกับห้องนอนหรือมุมอ่านหนังสือ แต่จะเหมาะกับห้องนั่งเล่น ห้องรับประทานอาหาร หรือโถงทางเดินมากกว่า
เคล็ดลับดูแลรักษาหลังคากระจกควรทำอย่างไรบ้าง?
1. ทำความสะอาดด้วยผ้าหรือแปรงขนนุ่ม
ควรทำความสะอาดหลังคากระจกเป็นประจำอย่างน้อยเดือนละ 1 ครั้ง โดยใช้ฟองน้ำหรือผ้านุ่มชุบน้ำสบู่อ่อน ๆ เช็ดคราบฝุ่น คราบน้ำ และสิ่งสกปรก หลีกเลี่ยงแปรงขนแข็งหรือสารเคมีรุนแรงมีฤทธิ์กัดกร่อนที่อาจทำให้กระจกเป็นรอยขีดข่วนได้
2. การตรวจสอบรอยร้าวเป็นประจำ
ตรวจสอบรอยต่อของหลังคากระจกสม่ำเสมอ โดยมองหารอยรั่วซึม รอยแตกร้าวเสียหาย โดยเฉพาะบริเวณรอยต่อระหว่างกระจกกับโครงสร้าง หากพบรอยแตกร้าว ควรรีบปรึกษาช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อซ่อมแซมหรือเปลี่ยนใหม่ทันที เพื่อป้องกันกระจกแตกร้าวจากการขยายตัว หรือแรงกระแทกจากสภาพแวดล้อม
3. การติดฟิล์มกรองแสงและกันรังสียูวี
การติดฟิล์มกรองแสงหรือฟิล์มกันรังสียูวี จะช่วยลดความร้อนจากแสงแดดได้มากถึง 50–80% และยังช่วยป้องกันกระจกเสียหายจากการขยายตัวเมื่อโดนความร้อนจัด ลดความเสี่ยงจากการแตกร้าวในระยะยาว พร้อมทั้งปกป้องสีเฟอร์นิเจอร์ไม่ให้ซีดจางจากแสงแดดร้อนจัด
สั่งผลิตภัณฑ์จระเข้สะดวกกว่าเดิมด้วย Jorakay Online Shop
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพจากจระเข้ ได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่าน Jorakay Online Shop ร้านค้าอย่างเป็นทางการจากจระเข้ ที่พร้อมให้ทุกคนสั่งซื้อสินค้าครบ จบในคลิกเดียว บน Shopee และ Lazada ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เลือกสินค้าที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว คุ้มค่า
ช่องทางการสั่งซื้อ | ลิงก์สำหรับการสั่งซื้อ |
---|---|
สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ | |
สั่งซื้อที่ Shopee | |
สั่งซื้อที่ Lazada |
อยากได้ผลิตภัณฑ์จระเข้มาดูแลบ้าน ลองเข้าไปหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กันได้ที่เว็บไซต์จระเข้ เพียงเลือกภูมิภาค จังหวัด และเขตหรืออำเภอ เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าร้านค้าแถวบ้านร้านไหนที่มีสินค้าคุณภาพรออยู่ หรือจะลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราดูก่อนก็ได้ ว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหนดี ให้ตอบโจทย์บ้านของเรามากที่สุด