ประเด็นสำคัญ
- ระบบสระว่ายน้ำเป็นเรื่องที่ควรทำความรู้จักก่อนสร้างสระว่ายน้ำไว้ที่บ้าน เพราะจะส่งผลถึงการดูแลรักษา และงบประมาณที่ใช้ก่อสร้าง จึงควรเลือกให้เหมาะสมกับขนาดสระและความสะดวกในการดูแล
- งานระบบสระว่ายน้ำแบ่งได้เป็นระบบหมุนเวียนน้ำภายในสระได้แก่ ระบบน้ำล้นและสกิมเมอร์ โดยระบบบำบัดน้ำเสียแบ่งได้ตามวัสดุที่ใช้ใส่ลงในสระได้แก่ คลอรีน น้ำเกลือ น้ำแร่ ซึ่งเลือกใช้ได้ตามความต้องการ
ระบบสระว่ายน้ำเป็นส่วนประกอบสำคัญของการสร้างสระว่ายน้ำไว้ที่บ้าน เพราะช่วยเปลี่ยนน้ำในสระให้ใสสะอาด เหมาะสำหรับลงไปใช้งาน แถมยังช่วยให้ปลอดภัยจากเชื้อโรคที่มองไม่เห็น ไปจนถึงตะไคร่น้ำที่เป็นสาเหตุของเชื้อแบคทีเรียที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย โดยระบบน้ำสระน้ำนั้นแบ่งได้ตามรูปแบบการหมุนเวียนน้ำภายในสระ และการบำบัดน้ำเสียด้วยสารเคมีหรือเครื่องกรองแบบต่าง ๆ
เพื่อให้เข้าใจกันง่ายมากขึ้น จระเข้จึงมีความรู้ดี ๆ มาฝากทุกคนแล้วว่าระบบสระว่ายน้ำมีกี่แบบ ต่างกันอย่างไร โดยเราจะมาเริ่มกันที่ระบบหมุนเวียนน้ำในสระซึ่งมีด้วยกัน 2 แบบ
ระบบหมุนเวียนน้ำในสระว่ายน้ำมีกี่แบบ?
1. ระบบน้ำล้น (Over Flow)
ภาพ: ระบบสระว่ายน้ำแบบน้ำล้น
ระบบสระน้ำแบบน้ำล้น (Over Flow) เป็นระบบสระว่ายน้ำที่พบเห็นได้ทั่วไป เป็นการหมุนเวียนน้ำด้วยการทำให้น้ำล้นออกจากสระ ลงไปยังรางน้ำล้นที่ติดตั้งไว้รอบสระ โดยน้ำที่ล้นจะไหลไปยังถังพัก จากนั้นปั๊มน้ำจะดูดน้ำจากถังสำรองน้ำ ผ่านเครื่องกรอง ระบบฆ่าเชื้อโรค และปล่อยเข้าสู่สระว่ายน้ำทางพื้นสระ ทำให้น้ำสะอาดถูกดันขึ้นด้านบน สิ่งสกปรกต่าง ๆ บนผิวน้ำก็จะถูกดันออกไปยังรางน้ำด้านข้าง หมุนเวียนกันอย่างนี้ต่อไปเรื่อย ๆ นั่นเอง
ข้อดี: ผิวน้ำใสสะอาดอยู่ตลอด ไม่มีคราบสิ่งสกปรกตกค้าง เพราะน้ำในสระถูกหมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา
ข้อเสีย: ราคาค่อนข้างสูง เพราะมีอุปกรณ์ที่ต้องติดตั้งหลายจุด และต้องบำรุงรักษาอุปกรณ์เป็นประจำ
2. ระบบสกิมเมอร์ (Skimmer)
ภาพ: ระบบสระว่ายน้ำแบบสกิมเมอร์
ระบบสระน้ำแบบสกิมเมอร์ (Skimmer) เป็นงานระบบสระว่ายน้ำที่เหมาะสำหรับสระว่ายน้ำขนาดเล็ก เพราะเป็นการดูดน้ำบริเวณผิวน้ำ เข้าไปผ่านระบบกรอง เพื่อกำจัดเศษฝุ่นและสิ่งสกปรกต่าง ๆ จากนั้นจึงส่งกลับไปยังสระว่ายน้ำ โดยจะต้องติดตั้งท่อที่จะจ่ายน้ำและดูดน้ำให้อยู่ตรงข้ามกัน เพื่อให้หมุนเวียนได้อย่างเป็นระบบ เนื่องจากเป็นการดูดน้ำบริเวณผิวน้ำ น้ำในสระว่ายน้ำระบบนี้จะต้องต่ำกว่าขอบสระประมาณ 15-20 เซนติเมตร เพื่อให้มีน้ำสำรองเมื่อผู้ใช้งาน และหมุนเวียนน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ข้อดี: ราคาถูก ติดตั้งง่าย ประหยัดพื้นที่ เพราะใช้อุปกรณ์น้อยกว่าระบบน้ำล้น
ข้อเสีย: อาจมีสิ่งสกปรกหรือเศษใบไม้ลอยอยู่บนผิวน้ำ เพราะน้ำไม่ได้หมุนเวียนอยู่ตลอดเวลา
รู้จักกับระบบสระว่ายน้ำที่แบ่งตามรูปแบบการหมุนเวียนน้ำกันไปแล้ว ต่อมาเรามาดูการบำบัดน้ำเสียในสระว่ายน้ำกันว่าจะเลือกใช้วัสดุใดได้บ้าง ไปดูกันเลย!
ระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำมีอะไรบ้าง
1. คลอรีน
ภาพ: คลอรีนแบบผงอัดเป็นก้อน
คลอรีนเป็นสารเคมีชนิดหนึ่ง ที่มีคุณสมบัติกัดกร่อน ซึ่งช่วยกำจัดตะไคร่น้ำ ฆ่าแบคทีเรีย และเชื้อโรคอื่น ๆ ที่อยู่ในน้ำ ทำให้น้ำใสสะอาด โดยคลอรีนที่ใส่ในสระว่ายน้ำนั้น มีให้เลือกทั้งแบบผงหรือแบบน้ำ แต่ที่สำคัญ คือ จะต้องตรวจวัดค่าความเป็นกรด-ด่างภายในน้ำอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้คลอรีนมีปริมาณมากเกินไปจนส่งผลเสียต่อร่างกาย นอกจากนี้ก็ยังต้องเติมคลอรีนตามเวลาที่กำหนด เพราะคลอรีนสามารถระเหยไปในอากาศได้ง่าย โดยเฉพาะบริเวณกลางแจ้งที่มีอากาศร้อน
2. น้ำเกลือ
ภาพ: เกลือสำหรับใส่สระว่ายน้ำ
ระบบสระว่ายน้ำที่ใช้น้ำเกลือ เป็นอีกทางเลือกของการทำสระว่ายน้ำให้เป็นมิตรต่อร่างกายผู้ใช้งานมากขึ้น เป็นการสร้างคลอรีนตามธรรมชาติจากเกลือ โดยการเทเกลือลงไปในสระ แล้วน้ำเกลือจะไปผ่านเครื่องซอลท์เจนเนอเรเตอร์ (Salt Generator) เพื่อแยกคลอรีนธรรมชาติออกมา ทำให้ได้น้ำที่ใสสะอาดโดยพึ่งสารเคมีน้อยกว่า แต่มีจุดอ่อนที่ระบบสระว่ายน้ำแบบน้ำเกลือมักเกิดตะไคร่น้ำตามพื้นและผนังได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อนจัดหรือมีฝนตก ซึ่งเป็นช่วงที่ตะไคร่น้ำเติบโตได้ดี อีกทั้งระบบน้ำเกลือก็มีค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูงอีกด้วย
3. น้ำแร่
ภาพ: ตัวอย่างระบบบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำ
ระบบสระว่ายน้ำแบบน้ำแร่ ถือเป็นการบำบัดน้ำในสระว่ายน้ำที่มีราคาสูงที่สุด เพราะจะต้องติดตั้งเครื่องสร้างอิออน ที่มีการกรองน้ำและใช้ระบบโอโซนในการฆ่าเชื้อโรค ไปจนถึงกำจัดตะไคร่น้ำ ซึ่งทำให้ได้น้ำที่ใสสะอาด ปลอดภัยต่อร่างกายผู้ใช้งาน เพราะไม่ต้องใช้สารเคมีในการบำบัดน้ำ นอกจากนี้ยังเป็นการลงทุนติดตั้งครั้งเดียวจบ เพราะไม่จำเป็นต้องตรวจวัดสารเคมี เพียงทำความสะอาดทั่วไปเป็นประจำก็เพียงพอแล้ว
เติมเต็มความสวยงามให้กับกระเบื้องสระว่ายน้ำด้วย กาวยาแนว จระเข้ แพลทินัม
ภาพ: กาวยาแนว จระเข้ แพลทินัม
เมื่อเลือกระบบสระว่ายน้ำที่ใช่กับบ้านของเราได้แล้ว ก็จะช่วยให้บำรุงรักษาสระว่ายน้ำกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น แต่นอกจากระบบสระน้ำแล้ว ความสวยงามก็เป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้าม เพื่อเติมเต็มความสวยงามให้กับกระเบื้องสระว่ายน้ำ อย่าลืมเลือกใช้กาวยาแนว จระเข้ แพลทินัม กาวยาแนวที่ออกแบบมาเพื่อใช้กับสระว่ายน้ำโดยเฉพาะ โดยกาวยาแนวชนิดนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยี WCAC Technology ช่วยลดการเกิดคราบขาว พร้อมด้วยคุณสมบัติยับยั้งราดำและตะไคร่น้ำด้วยเทคโนโลยี Microban® นอกจากนี้ยาแนวยังแห้งเร็ว เติมน้ำได้หลังยาแนว 24 ชั่วโมง รับแรงอัด แรงดันน้ำ และยังทนอุณหภูมิสูง ช่วยให้สระว่ายน้ำที่บ้านสวยงาม ปลอดภัยจากการหลุดล่อนที่ทำให้เสียทั้งเวลาและค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม