ประเด็นสำคัญ
- วิธีแก้ผนังชื้นควรเลือกวิธีให้ตรงกับสาเหตุ ไม่ว่าจะเป็นการซ่อมแซมรอยร้าว รอยแตกลายงา การปรับปรุงระบบระบายอากาศภายในบ้าน การซ่อมแซมระบบประปาภายในผนัง ไปจนถึงเคลือบเงาผนัง และทำกันซึมเพื่อปกป้องตั้งแต่ภายใน
- ผลิตภัณฑ์กันซึมจากจระเข้ตัวช่วยป้องกันผนังชื้นตั้งแต่ภายใน โดยเลือกได้ทั้งซีเมนต์กันซึมอย่างจระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ อะคริลิกกันซึม, จระเข้ รูฟ ชิลด์, และโพลียูรีเทนกันซึม จระเข้ อิลาสติก ชิลด์
ปัญหาผนังชื้นเป็นปัญหากวนใจที่หลายบ้านต้องเจอในช่วงหน้าฝน ทั้งคราบน้ำบนผนังภายนอก หรือผนังภายในอย่างผนังห้องน้ำ ก็เกิดปัญหาจากความชื้นได้เช่นกัน ทั้งเชื้อรา กลิ่นอับ สีลอกล่อน ซึ่งหากทิ้งไว้นานเกินไป ก็จะส่งผลเสียต่อโครงสร้างภายในได้อีกด้วย วันนี้จระเข้จะพาทุกคนไปดูวิธีแก้ผนังชื้นกันว่าจะต้องทำอย่างไรให้ตรงจุด ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก
5 วิธีแก้ผนังชื้นช่วงหน้าฝนให้อยู่หมัด!
1. ซ่อมรอยแตกร้าว

ควรตรวจสอบผนังภายนอกและภายในบ้านอยู่เสมอ หากพบรอยแตกร้าว รอยแตกลายงา รอยบิ่นตามขอบมุม หรือความเสียหายแบบอื่น ๆ ควรรีบซ่อมแซมด้วยวัสดุโป๊วหรือซีเมนต์ซ่อมแซมจากผลิตภัณฑ์จระเข้
- จระเข้ โพลี-ยู ซีล โพลียูริเทนซีลแลนท์พร้อมใช้งาน สำหรับอุดร่องกันแตก รอยต่อโครงสร้าง อุดรอยแตกร้าวเพื่อกันรั่วซึม ยืดหยุ่นตัวสูงมากกว่า 700% แห้งเร็ว ทาสีทับได้เลยทันที
- จระเข้ อีซี่ ซีเมนต์ซ่อมรอยแตกร้าว ปูนซ่อมแซมและตกแต่งผิวคอนกรีตที่แตก มีรอยบิ่น รอยขอบมุมผนัง จมูกบันได ทั้งแนวราบและงานเหนือศีรษะ สะดวกสบายเพียงผสมน้ำ ไม่ต้องผสมส่วนผสมอื่น แห้งเร็วทนทาน
- จระเข้ วอลล์ พัตตี้ อะคริลิกโป๊วอุดรอยแตกร้าว รอยต่อหัวตะปู รอยตะเข็บ เนื้อครีมข้นสีขาวสูตรน้ำ ใช้งานได้ทันทีด้วยเกรียงโป๊ว แห้งเร็ว ไม่ยุบตัว และยังไม่ทำให้สีทับหน้าเหลือง
ในกรณีที่รอยร้าวมีความกว้างมากกว่า 1.5 มิลลิเมตร ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ เพื่อความปลอดภัยของโครงสร้างบ้าน
สาเหตุที่ทำให้ผนังชื้น
รอยแตกร้าวตามผนังเป็นช่องทางที่ให้น้ำฝนซึมเข้าสู่ผนังได้โดยตรง โดยเฉพาะรอยต่อระหว่างผนังกับเสา หรือบริเวณที่รับแรงเคลื่อนไหวจากโครงสร้าง ซึ่งมักมีโอกาสแตกร้าวได้ง่าย นอกจากนี้การก่อสร้างที่ไม่ได้มาตรฐาน หรืออายุการใช้งานที่ยาวนาน ก็ทำให้เกิดรอยแตกร้าวเพิ่มขึ้นได้เช่นกัน
2. ปรับปรุงการระบายอากาศ

ควรติดตั้งพัดลมดูดอากาศในห้องที่อับชื้น ไม่มีช่องลมหรือหน้าต่าง เพื่อให้อากาศถ่ายเทได้สะดวกมากขึ้น หรือหากเป็นไปได้ควรเพิ่มช่องลมหรือเปลี่ยนหน้าต่างเป็นบานเกล็ด เพื่อให้ลมผ่านเข้าออกได้ดีขึ้น นอกจากนี้การเปิดประตู หน้าต่าง เป็นประจำเพื่อรับแสงแดดจากภายนอก ก็เป็นส่วนช่วยแก้ไขปัญหาผนังชื้นได้เช่นกัน
สาเหตุที่ทำให้ผนังชื้น
เพราะความชื้นในอากาศและน้ำฝน มักจะเข้ามาสะสมภายในบ้าน หากไม่ได้ถ่ายเทอากาศอย่างเหมาะสม จะทำให้ความชื้นสะสมบนผนังและเพดาน จนอาจกลายเป็นคราบน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในห้องที่ไม่มีหน้าต่าง หรือห้องที่ปิดทึบ เช่น ห้องน้ำ ห้องเก็บของ หรือห้องใต้ดิน หากเกิดรอยแตกร้าวขึ้นมาเล็กน้อยก็ทำให้ผนังชื้นถึงภายในได้แล้ว
3. ซ่อมแซมระบบประปา

ควรตรวจสอบระบบน้ำภายในบ้านเป็นประจำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีท่อน้ำประปาหรือท่อน้ำทิ้ง หากพบคราบชื้นหรือคราบน้ำไหลเป็นทางบนผนัง ควรเรียกช่างมาตรวจสอบ และเปลี่ยนท่อหากพบจุดรั่วซึม ควรใช้วัสดุประปาคุณภาพดี และหมั่นดูแลรักษาระบบท่อน้ำให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์อยู่เสมอ
สาเหตุที่ทำให้ผนังชื้น
ผนังที่มีท่อประปาฝังอยู่ด้านใน เช่น ผนังห้องน้ำ ผนังที่ติดกับซิงก์ล้างจาน หรือผนังหลังเครื่องซักผ้า มีความเสี่ยงจะเกิดการรั่วซึมได้ง่าย ถ้าหากข้อต่อท่อหลวมหรือท่อเสื่อมสภาพตามอายุการใช้งาน น้ำที่รั่วออกมาเพียงเล็กน้อย ก็สะสมจนทำให้ผนังชื้น และขึ้นราได้ในที่สุด
4. ทาเคลือบเงา

ควรใช้ผลิตภัณฑ์เคลือบผิวกันซึม อย่าง จระเข้ นาโน กลอสซี่ น้ำยาเคลือบเงา ป้องกันคราบสกปรก ซึ่งจะช่วยเพิ่มชั้นปกป้องให้ผนังต้านน้ำฝนและความชื้นได้ดีขึ้น อีกทั้งยังช่วยยืดอายุการใช้งานของสีผนังให้สวยงามนานขึ้นด้วย โดยควรเลือกผลิตภัณฑ์ที่ทนต่อรังสี UV และเหมาะกับพื้นผิวที่ต้องการใช้งาน
สาเหตุที่ทำให้ผนังชื้น
ผนังภายนอกที่ไม่ได้รับการเคลือบป้องกัน หรือเคลือบมาเป็นเวลานานจนวัสดุกันซึมเสื่อมสภาพ จะไม่สามารถต้านน้ำฝนที่กระทบผิวผนังได้ โดยเฉพาะบ้านที่ผนังต้องรับแดดและฝนโดยตรงเป็นเวลาหลายปี ก็มีแนวโน้มที่จะซึมซับน้ำไว้ได้ง่ายขึ้นและมากขึ้น
5. ทำกันซึมผนัง

สำหรับผนังบ้านที่ไม่ได้ทำกันซึม ควรเลือกใช้วัสดุกันซึมที่ได้มาตรฐาน และเหมาะกับพื้นผิว เช่น ซีเมนต์กันซึมสำหรับปูนฉาบ หรือกันซึมอะคริลิกสำเร็จรูปสำหรับทาผนังภายนอก ควรเตรียมพื้นผิวให้สะอาดและแห้งสนิทก่อนเริ่มงาน และเลือกทาอย่างน้อย 2 ชั้น เพื่อให้ได้ความหนาและประสิทธิภาพในการกันน้ำสูงสุด
สาเหตุที่ทำให้ผนังชื้น
หากบ้านไม่ได้ติดตั้งระบบกันซึมตั้งแต่แรก หรือวัสดุกันซึมที่เคยใช้เริ่มเสื่อมสภาพ ก็จะทำให้ผนังดูดซับน้ำฝนโดยไม่มีเกราะป้องกัน โดยเฉพาะผนังที่อยู่ด้านนอกบ้าน หรือส่วนที่ต้องเจอกับฝนและความชื้นเป็นประจำ เช่น ดาดฟ้า ระเบียง หรือผนังห้องน้ำ
วิธีแก้ผนังชื้นอย่างมีประสิทธิภาพด้วยระบบกันซึมจากจระเข้
1. ซีเมนต์กันซึม จระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์
จระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ ซีเมนต์ทากันซึมชนิดยืดหยุ่นแบบผสมเดียว ใช้งานง่ายเพียงผสมน้ำ ไม่ต้องผสมส่วนผสมเพิ่มเติม ทนแดด ทนฝน และรังสี UV ได้ดี เหมาะกับงานกันซึมซีเมนต์ทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นหลังคา ดาดฟ้า ระเบียง อ่างเก็บน้ำ บ่อเลี้ยงปลา ไปจนถึงห้องใต้ดิน สามารถแปลงผิวโลหะ โฟม ไม้ พลาสติก ให้เป็นคอนกรีตได้อีกด้วย
จระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ดีอย่างไร?
- อ่อนตัวสูง ปกปิดรอยแตกร้าวได้ดี สำหรับพื้นผิวที่มีการเคลื่อนตัวไม่เกิน 0.75 มม.
- ปล่อยเปลือยได้ ทนต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลง และยังทนต่อรังสี UV ได้ดี
- ทนต่อแรงน้ำได้มากกว่า 1.5 bar โดยไม่รั่วซึม อีกทั้งยังไม่มีสารพิษ ใช้กับบ่อเลี้ยงปลาและบ่อเก็บน้ำได้
- ผิวงานที่เสร็จแล้วคงทน ไม่หลุดล่อน ทาสีทับและปูกระเบื้องทับได้เลย
จระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ใช้งานเบื้องต้นอย่างไร?
- พรมน้ำบนพื้นผิวสะอาด ขจัดฝุ่น คราบมัน เศษปูน หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ ออกจากพื้นผิวให้สะอาดเรียบร้อย จากนั้นพรมน้ำให้พอชุ่มเพื่อลดอุณหภูมิพื้นผิว ไม่ให้ร้อนเกินไปจนส่งผลต่อประสิทธิภาพในการกันซึม
- ผสมซีเมนต์กับน้ำ ผสมจระเข้ เฟล็กซ์ ชิลด์ในอัตราส่วน 2.5 กก. ต่อน้ำ 1 ลิตร ผสมด้วยเครื่องกวนรอบต่ำ (ประมาณ 150 รอบต่อนาที) จนได้เนื้อวัสดุที่เนียนและสม่ำเสมอ ใช้ให้หมดภายใน 1 ชั่วโมง ห้ามเติมน้ำเพิ่มหากวัสดุเริ่มแข็ง
- ทาด้วยแปรงหรือลูกกลิ้ง ทากันซึมทั้งหมด 2 รอบ โดยทารอบแรกให้ทั่วบริเวณ รอให้แห้งประมาณ 30–90 นาที จากนั้นทารอบที่สองในแนวตั้งฉากกับรอบแรก เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของกันซึม
- ปล่อยให้แห้ง ปกป้องพื้นผิวจากน้ำอย่างน้อย 3 วัน หลังจากทาเสร็จควรหลีกเลี่ยงไม่ให้โดนน้ำโดยตรง เพื่อให้วัสดุกันซึมเซตตัวและยึดเกาะได้เต็มประสิทธิภาพ
- ควรรอให้แห้งสนิท หากจะปูกระเบื้องควรรออย่างน้อย 3 วัน และหากพื้นที่ต้องแช่น้ำ เช่น แทงก์น้ำหรือสระ ควรรอ 7–14 วัน เพื่อให้กันซึมแห้งและแข็งแรงเต็มที่
2. อะคริลิกกันซึม จระเข้ รูฟ ชิลด์
จระเข้ รูฟ ชิลด์ อะคริลิกทากันซึมหลังคาและดาดฟ้า สำเร็จรูปพร้อมใช้งาน ยืดหยุ่นดีเยี่ยม สูงกว่า 500% เมื่อแห้งตัวจะมีลักษณะคล้ายแผ่นยางบาง ป้องกันน้ำซึมได้ดี ทนน้ำขังได้นานกว่าอะคริลิกทั่วไป เหมาะกับพื้นที่กว้างหรือบริเวณที่มีรอยแตกร้าวขนาดเล็กไม่เกิน 1.5 มม.
จระเข้ รูฟ ชิลด์ดีอย่างไร?
- ช่วยปกปิดรอยแตกลายงา ใช้งานได้หลากหลายพื้นที่ ทนฝน ทนต่อรังสี UV
- เหมาะกับงานกันซึมดาดฟ้าที่ระบายน้ำได้ หลังคาคอนกรีต หลังคาเหล็ก รอยต่อบัวกันน้ำ ครอบสันหลังคา
- ช่วยปกปิดรอยแตกลายงาผนังอาคาร ทากลบรอยต่อผนังที่อุดด้วย ซีลแลนท์
- สะดวกใช้งานง่าย เปิดฝาใช้ได้ทันที ใช้ผสมสีหรือทาสีทับได้
จระเข้ รูฟ ชิลด์ใช้งานเบื้องต้นอย่างไร?
- เตรียมพื้นผิวให้สะอาด ควรทำความสะอาดพื้นผิวและปล่อยให้แห้งสนิทอย่างน้อย 3 ชั่วโมง โดยขจัดฝุ่น เศษปูน น้ำมัน และซ่อมรอยแตกร้าวเสียก่อน
- ผสมและทาชั้นรองพื้น สำหรับพื้นผิวขรุขระหรือพื้นดูดซึมน้ำ ผสมจระเข้ รูฟ ชิลด์กับน้ำสะอาด 5–10% และทาชั้นรองพื้นด้วยแปรงหรือลูกกลิ้ง จากนั้นรอให้แห้งอย่างน้อย 4 ชั่วโมง
- ทาชั้นที่ 2 หลังจากรองพื้นแห้งแล้ว ทาชั้นที่ 2 ในทิศทางตั้งฉากกับรอบแรก และหากต้องการเสริมแรง ให้ปูแผ่นตาข่ายไฟเบอร์เมชระหว่างชั้น
- ปล่อยให้แห้ง ควรทิ้งไว้ให้แห้งอย่างน้อย 48 ชั่วโมง ก่อนใช้งานพื้นที่ เพื่อให้ฟิล์มกันซึมเซตตัวสมบูรณ์
3. โพลียูรีเทนกันซึม จระเข้ อิลาสติก ชิลด์
จระเข้ อิลาสติก ชิลด์ วัสดุทากันชื้นผนังชนิดพอลิยูรีเทนพอลิเมอร์ 100% แบบส่วนผสมเดียว ตอบโจทย์การใช้ทาหลังคา ดาดฟ้า ระเบียง ผนัง และรางระบายน้ำ ยืดหยุ่นสูง รองรับการขยายตัวหรือรอยแตกร้าวของพื้นผิวคอนกรีตจากการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิได้ดี เหมาะสำหรับงานกันซึมภายนอกที่ต้องการความทนทานและยืดหยุ่นสูง
จระเข้ อิลาสติก ชิลด์ดีอย่างไร?
- ป้องกันน้ำซึมผ่าน 100% ยืดหยุ่นสูงถึง 600% ช่วยปกปิดรอยแตกร้าว ต้านทานแรงดึงได้ดี
- ส่วนผสมเดียว ใช้งานง่าย เพียงผสมน้ำ มีให้เลือกทั้งสีขาวและสีเทา
- ช่วยปกปิดรอยแตกร้าวจากอุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลง ทนต่อรังสี UV และสภาพอากาศที่รุนแรง
- ใช้งานได้กับผิวคอนกรีต ปูนฉาบ โลหะทั่วไป กระเบื้องมุงหลังคา อิฐ และไม้
จระเข้ อิลาสติก ชิลด์ใช้งานเบื้องต้นอย่างไร?
- เตรียมพื้นผิว พื้นผิวต้องแข็งแรง ไม่มีฝุ่น คราบน้ำมัน เชื้อรา หรือสีเก่า หากมีเชื้อราให้ทำความสะอาดและทาด้วย จระเข้ เอ็ม-คิล ก่อนทิ้งไว้ 3–4 ชม.
- ซ่อมรอยแตกร้าว หากมีรอยแตกร้าว ควรอุดโป๊วด้วยจระเข้ โพลี-ยู ซีล โพลียูริเทนซีลแลนท์ แล้วปล่อยให้แห้งก่อนทำกันซึม
- ทารองพื้นชั้นแรก ผสมจระเข้ อิลาสติก ชิลด์ กับน้ำสะอาดในอัตราส่วน 0.5 กิโลกรัมต่อตารางเมตร โดยผสมน้ำสะอาดไม่เกิน 30% แล้วทาเป็นชั้นรองพื้น ปล่อยให้แห้ง 1–2 ชม.
- ทาชั้นหลัก หลังจากทารองพื้นแล้ว ให้ทาชั้นหลักโดยไม่ต้องผสมน้ำ โดยทาทั้งหมด 2 รอบในทิศทางตรงข้ามกับชั้นก่อนหน้า ให้ได้ความหนารวมอย่างน้อย 1 มม. เพื่อการกันซึมที่มีประสิทธิภาพ
- รอยต่อเสริมด้วยตาข่ายใยแก้ว กรณีเป็นรอยต่อ รอยแตก ควรเสริมระหว่างชั้นด้วยจระเข้ ไฟเบอร์ เมช 8x8 ตาข่ายใยแก้วเสริมแรง และปล่อยให้บ่มตัวเป็นเวลา 7 วัน
บริเวณที่มักพบปัญหาผนังชื้นได้ง่าย
1. ผนังห้องน้ำ

ห้องน้ำถือเป็นจุดที่มีความชื้นสะสมมากที่สุดในบ้าน เนื่องจากต้องสัมผัสกับน้ำและความชื้นเป็นประจำ หากไม่มีระบบระบายอากาศที่ดี หรือวัสดุกันซึมที่เพียงพอ ผนังภายในห้องน้ำอาจเริ่มดูดซึมความชื้นสะสมไว้จนเกิดปัญหาเชื้อราและสีหลุดล่อนตามมา
2. ผนังวอลเปเปอร์

เพราะผนังวอลเปเปอร์ปิดทับเป็นผนังที่ระบายอากาศได้ไม่ดีเท่าผนังทาสี หากมีความชื้นแทรกเข้ามาจากภายใน เช่น จากรอยแตกร้าวหรือท่อประปารั่วซึม ความชื้นจะสะสมใต้แผ่นวอลเปเปอร์ และส่งผลให้เกิดเชื้อราอยู่ในภาย หากทิ้งไว้นาน ๆ ก็อาจทำให้วอลเปเปอร์ลอกล่อนได้อีกด้วย
3. ผนังภายนอก

สำหรับพื้นที่ที่จะต้องเผชิญกับฝน แดด และสภาพอากาศโดยตรงทุกวัน คงหนีไม่พ้นผนังด้านนอก หากวัสดุเคลือบผิวหรือสีภายนอกเริ่มเสื่อมสภาพ เกิดรอยแตกร้าวต่าง ๆ น้ำฝนก็จะซึมผ่านรอยแตกร้าวเล็ก ๆ ได้ ทำให้ผนังชื้นเป็นเชื้อราและคราบสกปรกเกาะติด
4. ผนังห้องใต้ดิน

สำหรับบ้านไหนที่มีห้องใต้ดินหรือชั้นใต้ดิน พื้นที่ที่ไม่ได้สัมผัสกับแสงแดดและความร้อนโดยตรงเช่นนี้ มักมีโอกาสเกิดผนังชื้นได้มากกว่าผนังทั่วไป เพราะพื้นที่ใต้ดินหรือชั้นล่างของบ้านที่อยู่ติดกับพื้นดิน มีโอกาสดูดซับความชื้นจากดินขึ้นมาสู่ผนังโดยตรง โดยเฉพาะหากไม่มีระบบกันซึมที่ดีพอ ผนังในจุดนี้จะชื้นบ่อย แม้จะไม่ได้สัมผัสกับน้ำโดยตรงก็ตาม
5. ผนังที่ไม่มีช่องระบายอากาศ

พื้นที่อับหรือห้องที่อากาศไหลเวียนไม่ดี เช่น ห้องเก็บของ ห้องใต้บันได หรือผนังที่ถูกปิดล้อมด้วยเฟอร์นิเจอร์แน่นหนา อาจมีความชื้นในอากาศสะสม เมื่อเวลาผ่านไปผนังในบริเวณเหล่านี้จะเริ่มมีเชื้อรา ราดำ รวมถึงสีทาผนังลอกล่อนตามมาในที่สุด
3 วิธีป้องกันผนังชื้นในระยะยาวควรทำอย่างไร?
1. ตรวจเช็กบ้านเป็นประจำ
การตรวจสอบสภาพบ้านเป็นประจำ จะช่วยป้องกันปัญหาผนังชื้นได้อย่างยั่งยืน โดยเฉพาะบริเวณที่เสี่ยงต่อความชื้น เช่น ผนังห้องน้ำ ผนังชั้นล่าง และผนังด้านนอกที่ต้องเผชิญกับน้ำฝนโดยตรง โดยควรสังเกตคราบน้ำ รอยแตกร้าว หรือสีที่เริ่มลอก จะช่วยให้ซ่อมแซมได้ทัน ซึ่งหากปล่อยไว้นานจะส่งผลต่อโครงสร้างในระยะยาว
2. ทาสีหรือใช้ผลิตภัณฑ์กันซึม
การทำกันซึมให้ได้มาตรฐาน เป็นอีกหนึ่งวิธีสำคัญในการป้องกันไม่ให้ความชื้นซึมเข้าสู่ผนัง โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีโอกาสสัมผัสน้ำหรือความชื้นโดยตรง เช่น ดาดฟ้า ผนังด้านนอก หรือผนังห้องน้ำ การใช้ผลิตภัณฑ์กันซึมทากันชื้นผนังก่อนทาสี จะช่วยยืดอายุการใช้งานของผนัง และลดโอกาสการเกิดปัญหาผนังชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ
3. ติดตั้งพัดลมระบายอากาศหรือช่องลมเพิ่มเติม
การลดความชื้นเป็นอีกวิธีแก้ผนังชื้น และยังช่วยลดกลิ่นอับ และเชื้อราในบ้านอีกด้วย การติดตั้งพัดลมระบายอากาศ หรือเจาะช่องลมเพิ่มเติม จะช่วยให้อากาศถ่ายเทได้ดียิ่งขึ้น และยังทำให้บ้านเย็นลง บรรยากาศน่าอยู่มากขึ้นอีกด้วย
สั่งซื้อผลิตภัณฑ์จระเข้ได้แล้ววันนี้ สะดวก ง่าย ช้อปได้ทุกที่ทุกเวลา
ช้อปสินค้าจระเข้ได้สะดวกกว่าเดิมพร้อมจัดส่งถึงบ้านใน Jorakay Online Shop ร้านค้าอย่างเป็นทางการจากจระเข้ เลือกซื้อสินค้าคุณภาพจากจระเข้ได้ครบจบในคลิกเดียว บน Shopee และ Lazada สะดวก ง่าย ช้อปได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมส่งตรงถึงบ้านทั่วประเทศ รวดเร็วคุ้มค่า แถมยังมีโปรโมชันพิเศษรออยู่อีกเพียบ
จระเข้ ช้อปออนไลน์ได้แล้ววันนี้ สะดวก ง่าย ช้อปได้ทุกที่ทุกเวลา
| ช่องทางการสั่งซื้อ | ลิงก์สำหรับการสั่งซื้อ |
|---|---|
| ช้อปผ่านเว็บไซต์ | |
| ช้อปที่ Shopee | |
| ช้อปที่ Lazada |








