ประเด็นสำคัญ
- ปัญหาลมแรงหลังคาปลิวมักเกิดขึ้นกับหลังคาที่มีโครงสร้างไม่ได้มาตรฐาน ไม่มั่นคง ติดตั้งวัสดุมุงหลังคาที่ไม่ถูกวิธี ไปจนถึงวัสดุติดตั้งทั้งน็อต สกรูเสื่อมสภาพ และลมพายุที่พัดแรงผิดปกติในบริเวณที่บ้านตั้งอยู่
- วิธีป้องกันหลังคาปลิว สามารถทำได้โดยการตรวจสอบหลังคาเป็นประจำ ใช้สกรูที่ได้มาตรฐาน เปลี่ยนการออกแบบเป็นหลังคาทรงปั้นหยาที่รับแรงปะทะจากลมได้ดี และอย่าลืมทำกันซึมด้วยกันซึมจระเข้ รูฟ ชิลด์ ผลิตภัณฑ์ที่ช่วยป้องกันน้ำและความชื้นรั่วซึมเข้าไปภายในโครงสร้าง
ในช่วงหน้าฝนหรือฤดูมรสุม ปัญหาหลังคาปลิวเพราะลมแรง กลายเป็นเรื่องใกล้ตัวที่หลายบ้านเผชิญโดยไม่ทันตั้งตัว จระเข้มีความรู้ดี ๆ โดยจะพาทุกคนไปรู้จักสาเหตุที่ทำให้กระเบื้องหลังคาหลุด พร้อมด้วยวิธีป้องกัน และแนวทางเลือกวัสดุมุงหลังคาให้ปลอดภัยมากขึ้น ลมแรงแค่ไหนก็ไม่ต้องกลัวหลังคาปลิว
ทำไมหลังคาปลิว? สาเหตุหลักที่ทำให้กระเบื้องหลุดเมื่อเจอลมแรง
สาเหตุที่ทำให้หลังคาปลิว | วิธีป้องกัน |
---|---|
โครงสร้างหลังคาไม่ได้มาตรฐาน เช่น ใช้เหล็กบางเกินไป | ตรวจสอบโครงสร้างหลังคาอย่างน้อยปีละ 1–2 ครั้ง แนะนำให้ทำก่อนช่วงฤดูฝน |
ติดตั้งกระเบื้องไม่ถูกวิธี เช่น วางไม่แน่น หรือไม่ได้ยึดทุกแผ่น | ใช้สกรูหรือตะปูเกลียวที่ได้มาตรฐาน และยึดให้แน่นทุกจุด |
ลมแรงผิดปกติในบางพื้นที่ เช่น พื้นที่ชายฝั่ง | สร้างช่องระบายลมใต้หลังคา หรือเลือกทรงหลังคาปั้นหยาที่รับลมได้ดี |
อายุการใช้งานของหลังคานาน วัสดุเสื่อมสภาพ แตก เปราะ | เสริมจุดยึดกับแปให้แน่น ใช้กาวติดกระเบื้องช่วยเพิ่มความแข็งแรง |
1. โครงสร้างหลังคาไม่ได้มาตรฐาน
หลังคาที่ปลิวหรือกระเบื้องหลุดจากแรงลม มักมีจุดเริ่มต้นจากโครงสร้างที่ไม่มั่นคง เมื่อเกิดแรงยกจากลมบริเวณชายคาหรือปลายจั่ว แผ่นกระเบื้องจึงมีโอกาสถูกดันหลุดออกได้ง่าย
- ใช้วัสดุโครงไม่ได้คุณภาพ เช่น เหล็กบางเกินไป หรือไม่มีการเคลือบกันสนิม ทำให้ผุพังเร็วเมื่อเจอฝนเป็นประจำหรือเจอลมแรงบ่อย ๆ
- ระยะห่างของแปหรือจันทันไม่เหมาะสม หากเว้นระยะห่างมากเกินไป จะทำให้กระเบื้องไม่มีจุดยึดเพียงพอ เกิดการโก่งหรือยกตัวเมื่อรับแรงลม
- ไม่ติดตั้งอุปกรณ์เสริมความแข็งแรง เช่น ไม่ใช้ขอยึด แหนบล็อกกระเบื้อง หรือไม่มีแผ่นกันลมที่ชายคา ทำให้โครงสร้างเปราะบางเมื่อเจอลมพายุ
2. ติดตั้งกระเบื้องไม่ถูกวิธี
การติดตั้งหลังคาไม่ถูกวิธีเป็นสาเหตุที่ทำให้หลังคาปลิว เพราะบริเวณปลายแนวหลังคาจะแข็งแรงน้อยกว่าจุดอื่น ๆ ทำให้ปลิวหลุดได้ง่ายเมื่อเจอลมกระโชกแรง
- ยึดกระเบื้องไม่ครบทุกจุด กระเบื้องควรยึดด้วยอุปกรณ์ยึดที่มีคุณภาพทุกแผ่นอย่างแน่นหนา หากยึดเฉพาะบางแผ่นหรือเลือกใช้ตะปูทั่วไปที่ไม่ทนสนิม ก็อาจเกิดอันตรายจากหลังคาปลิวได้
- ไม่วางกระเบื้องตามระยะมาตรฐาน การวางกระเบื้องที่ซ้อนกันหรือเหลือช่องว่างมากเกินไป จะเปิดช่องให้ลมพัดลอดเข้าไปใต้แผ่นกระเบื้อง ทำให้เกิดแรงยกจากด้านล่าง ควรเว้นระยะซ้อนทับในแนวยาวประมาณ 7–10 ซม. และในแนวระหว่างแผ่นประมาณ 5–7 ซม. ขึ้นอยู่กับประเภทของกระเบื้อง
3. ลมแรงผิดปกติในบางพื้นที่
ในช่วงฤดูร้อนหรือช่วงเปลี่ยนฤดู มักเกิดลมพายุ ฝนฟ้าคะนอง ในพื้นที่บางจุดมากเป็นพิเศษ ทำให้บ้านที่ตั้งอยู่ในบริเวณโล่ง ใกล้ชายฝั่ง หรือเป็นแนวรับลมโดยตรง ได้รับความเสียหายจากแรงลมที่รุนแรงมากกว่าปกติ
4. อายุการใช้งานของหลังคาและวัสดุเสื่อมสภาพ
วัสดุมุงหลังคาทุกชนิดมีอายุการใช้งาน เมื่อเวลาผ่านไปการเสื่อมสภาพจากแสงแดด ฝน ความชื้น และสนิมจะทำให้ตัวยึดและโครงสร้างเริ่มหลวม หากไม่ตรวจสอบหรือบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง จะยิ่งเพิ่มโอกาสให้กระเบื้องหลังคาหลุดปลิวเมื่อปะทะลมแรง โดยมีจุดเสี่ยงสำคัญ ได้แก่
- วัสดุมุงหลังคาเสื่อมสภาพ ทั้งกระเบื้องแตกร้าว ผิวลอก หรือเริ่มเปราะจากแดดและฝน เมื่อเกิดแรงกระแทกจากลมหรือวัตถุกระทบเล็กน้อย ก็อาจแตกร้าวหรือปลิวได้ทันที
- ตัวยึดหลวมหรือเป็นสนิม ตะปูและสกรูที่ใช้ยึดกระเบื้องหรือโครงสร้างแป เมื่อใช้งานนานหลายปีโดยไม่มีการเปลี่ยนหรือดูแล อาจเกิดสนิมและคลายตัวจากการขยายหรือหดตัวของโลหะตามอุณหภูมิ
แปเป็นส่วนประกอบที่ขาดไม่ได้ในโครงสร้างหลังคา ชิ้นส่วนนี้มีหน้าที่อะไรและสำคัญขนาดไหนนั้น อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ แปหลังคาคืออะไร? ทำหน้าที่อะไร และมีแบบไหนให้เลือกบ้าง
- โครงหลังคาเหล็กผุจากภายใน โครงเหล็กภายในอาจเริ่มมีสนิมหรือการกัดกร่อนโดยเฉพาะในจุดที่รับน้ำฝนหรือเจอความชื้นบ่อย ๆ จนทำให้โครงสร้างอ่อนแรงลง เมื่อเกิดแรงกระแทกจากลมหรือฝน โครงอาจบิดตัวและทำให้กระเบื้องหลังคาหลุดตามมา
5 วิธีป้องกันหลังคาปลิว กระเบื้องหลุดก่อนลมพัดแรงมา
1. ตรวจสอบโครงสร้างหลังคาเป็นประจำปีละ 1-2 ครั้ง
การตรวจสอบสภาพโครงสร้างหลังคาเป็นประจำปีละ 1-2 ครั้ง เป็นวิธีป้องกันเบื้องต้นที่ช่วยลดความเสี่ยงหลังคาปลิวจากลมแรง โดยเฉพาะในช่วงฤดูฝนหรือก่อนพายุเข้า หากพบปัญหาเร็วก็ซ่อมแซมได้ทันก่อนเกิดความเสียหาย
จุดที่ควรตรวจสอบ:
- แป ต้องไม่มีโก่งตัวหรือผุพัง และมีความแข็งแรงพอสำหรับยึดวัสดุมุงหลังคา
- ตะปู/สกรูยึดกระเบื้อง ต้องไม่หลวม เป็นสนิม หรือหายไปจากตำแหน่งที่ยึดแผ่นหลังคา
- โครงเหล็กหรือไม้ ตรวจดูว่ามีรอยสนิม ผุพัง หรือการบิดตัวหรือไม่
2. ใช้สกรูหรือตะปูเกลียวที่ได้มาตรฐาน
การเลือกใช้วัสดุยึดกระเบื้องหลังคาที่มีคุณภาพ จะช่วยให้การติดตั้งแข็งแรงมากขึ้น ลดโอกาสที่จุดยึดจะคลายตัวเร็วกว่าที่ควรจะเป็น ควรเลือกอุปกรณ์ที่ใช้สำหรับงานหลังคาโดยเฉพาะ
คุณสมบัติของสกรูหรือตะปูที่ได้มาตรฐาน:
- มีแหวนยางรองหัวสกรู ช่วยให้ยึดวัสดุมุงหลังคาได้แน่นขึ้น ป้องกันน้ำรั่วลงตามรอยเจาะ ซึ่งเป็นจุดอ่อนที่มักทำให้โครงสร้างผุในระยะยาว
- ควรเลือกสกรูที่เคลือบกันสนิมแล้ว หรือเลือกใช้สกรูสเตนเลส เพื่อยืดอายุการใช้งานให้ยาวนานขึ้น
- มีเกลียวเต็มความยาว ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการยึดกับแปได้แน่นหนากว่าสกรูแบบมีเกลียวครึ่งตัว เหมาะกับพื้นที่ที่เสี่ยงลมแรงมากกว่า
3. ออกแบบหลังคาทรงปั้นหยา
หลังคาทรงปั้นหยา (Hip Roof) ถือเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการรับลมแรง เพราะเป็นหลังคาที่มีด้านลาดเอียงทั้งสี่ด้าน ช่วยให้ลมที่พัดมาปะทะกระจายตัวออกเท่า ๆ กัน ไม่เกิดแรงกดหรือแรงยกเฉพาะจุดเท่าหลังคาทรงจั่ว จึงเหมาะสำหรับบ้านที่อยู่ในแนวรับลม หรือบริเวณที่เสี่ยงต่อลมพายุ
4. สร้างช่องระบายลมใต้หลังคา
เมื่อฝนตก ลมอาจพัดเข้าสู่ช่องว่างใต้หลังคา หากไม่มีทางระบายออก จะเกิดแรงดันภายในที่ดันกระเบื้องจากด้านล่างจนหลุดออก การติดตั้งช่องระบายลม เช่น ฝ้าระบายอากาศแบบมีรู หรือช่องลมระหว่างผนังและหลังคา จะช่วยให้แรงลมภายในลดลง โครงสร้างจึงปลอดภัยจากความเสียหายได้ดีขึ้น
5. เสริมจุดยึดกับแปให้แน่นหนา
แม้จะติดตั้งหลังคาตามมาตรฐาน แต่จุดปลายแนวหรือจุดอับลมบางจุด อาจยังไม่แข็งแรงพอ ควรเสริมด้วยอุปกรณ์ยึด เช่น ขอยึด ลวดล็อก หรือกาวสำหรับงานกระเบื้อง จะช่วยให้โครงสร้างโดยรวมมั่นคงขึ้น และลดความเสี่ยงต่อกระเบื้องหลังคาหลุด
จุดที่ควรเสริมจุดยึด:
- บริเวณเชิงชายหรือปลายแถวกระเบื้อง เป็นจุดที่กระเบื้องเผชิญลมโดยตรง จึงควรเสริมที่ยึดเป็นพิเศษ เช่น ใช้กาวหรือขอเกี่ยว
- จุดตัดของแนวแปและจันทัน ควรขันสกรูให้แน่นหรือเสริมแผ่นเหล็กยึดเพิ่ม เพื่อไม่ให้แปขยับเมื่อเกิดแรงกระแทก
- แนวซ้อนของกระเบื้อง โดยเฉพาะบริเวณที่มีรอยต่อหลายแผ่นซ้อนกัน เพราะลมเล็ดลอดเข้าทำให้กระเบื้องเปิดตัวและหลุดออกเป็นแถบได้
ติดตั้งแข็งแรงแล้ว อย่าลืมปกป้องด้วยกันซึมจระเข้ รูฟ ชิลด์
จะฝนตกหนัก น้ำขัง ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการรั่วซึมด้วย จระเข้ รูฟ ชิลด์ อะคริลิกทากันซึมหลังคาและดาดฟ้าคุณภาพสูง ใช้ได้กับหลังคากระเบื้อง หลังคาเหล็ก ครอบสันหลังคา และจุดต่อบัวกันน้ำ มีให้เลือก 4 สี ได้แก่ สีขาว สีเทาเข้ม สีเทาสะท้อนความร้อน และสีเขียว
คุณสมบัติเด่นของจระเข้ รูฟ ชิลด์มีอะไรบ้าง?
- อะคริลิกยืดหยุ่นตัวสูงกว่า 500% ช่วยปกปิดรอยแตกลายงา รอยแตกเส้นเล็ก ๆ ขนาดเล็กกว่า 1.5 มม.
- ทน UV ทนน้ำขังได้นานกว่า 180 วัน และใช้งานได้ยาวนานถึง 8 ปี
- ใช้งานง่ายเพียงเปิดฝา คนให้เข้ากันก็ใช้แปรงหรือลูกกลิ้งทาได้ทันที โดยควรทาสองรอบในลักษณะตั้งฉากกัน
- ยึดเกาะกับวัสดุได้หลากหลาย เช่น เหล็ก สังกะสี อลูมิเนียม คอนกรีต กระเบื้องมุงหลังคา ปูนฉาบ พลาสติก PVC ไปจนถึงไม้ อิฐ และวัสดุอื่นๆ
หลังคารั่วเรื่องใหญ่เพราะส่งผลกระทบได้ถึงโครงสร้างภายใน ต้องซ่อมแซมอย่างไรนั้น อ่านต่อเพิ่มเติมได้ที่ รับมือปัญหาหน้าฝน ด้วยวิธีซ่อมหลังคารั่วยังไงให้เวิร์ค
วัสดุมุงหลังคาที่กันลมแรงได้ดี
1. หลังคาแซนวิชพาแนล กันลม กันร้อนในแผ่นเดียว
หลังคาแซนวิชพาแนล คือ แผ่นหลังคาที่ประกอบด้วยแผ่นเมทัลชีทด้านบน–ล่าง และมีฉนวนโฟมหรือ PU อยู่ตรงกลาง ประกับกันเป็นแซนวิช เป็นระบบหลังคาสำเร็จรูปที่ได้รับความนิยมมากขึ้นในพื้นที่เสี่ยงลมแรง เพราะให้ความแข็งแรงแบบหลังคาเมทัลชีท พร้อมคุณสมบัติการกันความร้อนในแผ่นเดียว
คุณสมบัติเด่น:
- กันลมแรงได้ดีมาก ด้วยการยึดแผ่นที่แนบสนิท และโครงสร้างแผ่นที่แข็งแรงกว่าเมทัลชีทธรรมดา
- มีฉนวนกันร้อนอยู่ภายใน ช่วยลดอุณหภูมิในบ้านหรืออาคารได้ดี
- ช่วยลดเสียงรบกวน โดยเฉพาะเสียงฝนตก ช่วยให้ภายในบ้านเงียบขึ้นกว่าหลังคาเมทัลชีททั่วไป
2. หลังคาเมทัลชีท กระเบื้องคอนกรีต ตอบโจทย์ความแข็งแรง
หากบ้านตั้งอยู่ในพื้นที่ที่มีลมพัดแรงหรือเกิดพายุบ่อย ควรเลือกวัสดุมุงหลังคาที่มีคุณสมบัติทนทานเป็นพิเศษ ได้แก่
- เมทัลชีทแบบลอนสูง รูปแบบลอนที่สูงและหนาช่วยลดโอกาสน้ำรั่ว และรองรับแรงลมได้ดี โดยควรติดตั้งพร้อมระบบยึดสกรูที่แน่นหนา
- กระเบื้องคอนกรีต หากชอบสไตล์คลาสสิก ควรเลือกกระเบื้องคอนกรีตที่ติดตั้งแบบยึดทุกแผ่น และเสริมด้วยตะปูเกลียวและกาวยึดบริเวณชายคาเพื่อเพิ่มความปลอดภัย
ลอนหลังคาเมทัลชีทมีให้เลือกกี่แบบ แล้วจะเลือกแบบไหนให้เหมาะกับบ้านเรา อ่านต่อได้ที่ ลอนหลังคาเมทัลชีทมีกี่แบบ ควรเลือกซื้ออย่างไรดี?
เปรียบเทียบหลังคาเมทัลชีท vs กระเบื้องมุงหลังคา
คุณสมบัติ | หลังคาเมทัลชีท | กระเบื้องมุงหลังคา |
---|---|---|
วัสดุ | แผ่นโลหะรีดเป็นแผ่น อาจเป็นเหล็กเคลือบสังกะสี อลูมิเนียม หรืออลูซิงก์ | ดินเผา คอนกรีต เซรามิก |
ความทนทานต่อลมแรง | ยึดแน่นทั้งแผ่น แข็งแรง เมื่อติดตั้งถูกวิธี | มีโอกาสหลุดหรือปลิว หากยึดไม่แน่นพอ |
น้ำหนัก | น้ำหนักเบา ช่วยลดภาระโครงสร้าง | หนักกว่าเมทัลชีท ต้องใช้โครงสร้างรองรับที่แข็งแรง |
การติดตั้ง | ติดตั้งง่าย รวดเร็ว ใช้แผ่นยาวต่อเนื่อง ยึดด้วยสกรู | ต้องวางทีละแผ่น ใช้เวลามากกว่า |
การซ่อมบำรุง | หากเสียหาย เปลี่ยนเฉพาะแผ่นได้ง่าย | ปลี่ยนแผ่นได้ แต่ถ้าแตกร้าวต้องรื้อออกหลายแผ่น |
การกันร้อนและเสียง | เสียงดังเวลาเจอฝนตก ร้อนหากไม่มีฉนวน | กันเสียงได้ดีกว่า และป้องกันความร้อนได้ระดับหนึ่ง |
ถาม-ตอบเกี่ยวกับปัญหาหลังคาปลิว
1. ลมแรงแค่ไหนถึงทำให้หลังคาหลุดได้?
โดยทั่วไปลมที่มีความเร็วตั้งแต่ 60 กม./ชม. ขึ้นไป ความแรงระดับลมพายุโซนร้อน สามารถทำให้กระเบื้องหรือแผ่นหลังคาที่ติดตั้งไม่แน่นหลุดออกได้ โดยเฉพาะในบ้านที่ไม่มีการเสริมจุดยึดหรืออยู่ในพื้นที่รับลมโดยตรง
2. หลังคาบ้านควรตรวจเช็กบ่อยแค่ไหน?
ควรตรวจเช็กหลังคาและโครงสร้างภายในอย่างน้อย ปีละ 1–2 ครั้ง หรือก่อนเข้าสู่ฤดูฝน เพื่อตรวจสอบความแน่นหนาของกระเบื้อง จุดยึด และสภาพโครงสร้าง รวมถึงควรตรวจสภาพหลังคาหลังพายุใหญ่หรือฝนตกหนักอีกด้วย
3. หลังคาปลิวต้องแจ้งหน่วยงานไหน หรือซ่อมเองได้หรือไม่?
หากปลิวจนเป็นอันตรายต่อคนหรือทรัพย์สิน ควรแจ้งสำนักงานเขตหรือหน่วยงานท้องถิ่น เพื่อขอความช่วยเหลือเบื้องต้น ส่วนกรณีเสียหายเล็กน้อย สามารถจ้างช่างผู้เชี่ยวชาญมาซ่อมแซมได้ หลีกเลี่ยงการปีนขึ้นไปซ่อมเองหากไม่ชำนาญ เพราะอาจเกิดอันตรายได้
สั่งผลิตภัณฑ์จระเข้สะดวกกว่าเดิมด้วย Jorakay Online Shop
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์คุณภาพจากจระเข้ ได้สะดวกยิ่งขึ้นผ่าน Jorakay Online Shop ร้านค้าอย่างเป็นทางการจากจระเข้ ที่พร้อมให้ทุกคนสั่งซื้อสินค้าครบ จบในคลิกเดียว บน Shopee และ Lazada ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็เลือกสินค้าที่ต้องการได้ทุกที่ทุกเวลา พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้านทั่วประเทศอย่างรวดเร็ว คุ้มค่า
ช่องทางการสั่งซื้อ | ลิงก์สำหรับการสั่งซื้อ |
---|---|
สั่งซื้อผ่านเว็บไซต์ | |
สั่งซื้อที่ Shopee | |
สั่งซื้อที่ Lazada |
อยากได้ผลิตภัณฑ์จระเข้มาดูแลบ้าน ลองเข้าไปหาตัวแทนจำหน่ายผลิตภัณฑ์กันได้ที่เว็บไซต์จระเข้ เพียงเลือกภูมิภาค จังหวัด และเขตหรืออำเภอ เพียงเท่านี้ก็จะรู้แล้วว่าร้านค้าแถวบ้านร้านไหนที่มีสินค้าคุณภาพรออยู่ หรือจะลองปรึกษาผู้เชี่ยวชาญของเราดูก่อนก็ได้ ว่าจะเลือกผลิตภัณฑ์แบบไหนดี ให้ตอบโจทย์บ้านของเรามากที่สุด